Headlines

สถิติเผยคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 227 คน โรชจับมือแพทย์-ผู้ป่วยและหน่วยงานสุขภาพสู่สังคมไทยไร้มะเร็ง รับวันมะเร็งโลก 2025 – United by Unique

เนื่องในวันมะเร็งโลก 4 กุมภาพันธ์ 2568 ภายใต้ธีม United by Unique หรือร่วมกันในเป้าหมายแต่แตกต่างในความต้องการ สะท้อนถึงแนวคิดที่ว่า แม้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งจะมีความต้องการและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่กลับมีเป้าหมายร่วมกันในการลดภาระจากมะเร็ง ปรับปรุงผลลัพธ์การรักษา และมีคุณภาพชีวิตที่ดี วันมะเร็งโลกในปีนี้ให้ความสำคัญกับผู้คนในชุมชนก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้ป่วย สอดคล้องกับหนึ่งในภารกิจของโรช ในฐานะบริษัทด้านไบโอเทคชั้นนำของโลก ที่มุ่งเน้นการดูแลและเชื่อมโยงผู้ป่วยกับผู้ให้บริการด้านสุขภาพและชุมชนต่าง ๆ ตั้งแต่การตรวจและการรักษาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางบวกในวงกว้าง ผนึกกำลังกับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย ชมรมผู้ป่วย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง สู่เป้าหมายเดียวกันที่จะสร้างความตระหนักรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและการรักษาโรคมะเร็งให้คนไทยห่างไกลจากโรคมะเร็ง

องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 77 ภายใน 25 ปีข้างหน้า ในขณะที่ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า แต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 คน เฉลี่ยคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 227 คน โดยมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดีมะเร็งปอดมะเร็งเต้านมมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเม็ดเลือดขาว

สำหรับประเทศไทยที่ปัจจุบันคนในหลายพื้นที่เผชิญกับปัญหาฝุ่น PM2.5 การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะมะเร็งปอดกำลังคร่าชีวิตคนไทยในอัตราที่น่าตกใจถึงวันละ 40 ราย สูงกว่าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 48 คน ส่วนใหญ่มาพบแพทย์ในระยะลุกลาม เนื่องจากอาการเริ่มต้นไม่ชัดเจน แม้ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสพบมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบ 10 เท่าแต่มลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

คำแนะนำจากแพทย์การตรวจคัดกรองช่วยคนไทยห่างไกลโรคมะเร็ง

นายแพทย์ยศวัจน์ รุ่งโรจน์วัฒนา อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า “โรคมะเร็งปอดสามารถเกิดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการคัดกรองมะเร็งปอด จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีช่วยให้การตรวจคัดกรองมีความแม่นยำมากขึ้น เช่น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ Low-dose CT Scan  ทำให้สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสในการรักษา นอกจากนี้ ความก้าวหน้าด้าน Targeted Therapy (การรักษาแบบมุ่งเป้า) และ Immunotherapy (ภูมิคุ้มกันบำบัด) ยังช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

โรคมะเร็งนอกจากทำลายสุขภาพของผู้ป่วยแล้ว โรคมะเร็งยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้ป่วยด้วย ดังนั้น การรักษามะเร็งในปัจจุบันจึงไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่ยังหมายถึงการที่คนใกล้ชิดมีความรู้สามารถช่วยดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองด้วย Low Dose CT Scan ถือเป็นความหวังในการช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 20 เนื่องจากสามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และมีโอกาสรักษาหายขาดสูงกว่ามาก

เสียงสะท้อนข้อคิดและความหวังจากผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด


จากประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด คุณนุช  นางธิยารัตน์ ธนาจิรวรพัฒน์ กล่าวว่า “ดิฉันอยู่ในครอบครัวที่ไม่มีใครสูบบุหรี่เลย ก่อนตรวจเจอโรคมะเร็งปอด ด้วยวิชาชีพพยาบาลเป็นคนที่ดูแลคนอื่น ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง มีความเครียดจากการทำงาน และพักผ่อนไม่เป็นเวลา การตรวจเจอมะเร็งทำให้กลับมาดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเอง คิดบวก และปล่อยวางมากขึ้น  หันกลับมาดูแลเรื่องอาหารการกิน และพักผ่อนอย่างเพียงพอ อยากฝากถึงทุกคนว่า ตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เรามีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับปอดมากขึ้น ดังนั้น ถ้าพบว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายทันที สิ่งสำคัญที่อยากให้ประเทศไทยมีคือ ระบบคัดกรองคนไข้ที่เข้าเกณฑ์เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด เช่น คนอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด หรือมีอาการไอ น้ำหนักลด อยากให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้ตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะหากตรวจพบโรคระยะแรกๆ ค่ารักษาจะลดลงมาก นอกจากนี้ เทคโนโลยีทางการแพทย์และยาในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้นด้วย”

เสียงจากคุณนก ศุภาทร กัลยาณสุต ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย และเป็นประธานชมรมผู้ป่วยมะเร็งปอด ของ TCS และอยู่ร่วมกับโรคมะเร็งปอดในฐานะผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะ 4 ชนิด Non-small cell ปัจจุบันในวัย 56 ปีกำลังอยู่ระหว่างการรักษาด้วยยามุ่งเป้า หลังจากมะเร็งปอดกลับมาลุกลามอีกครั้ง     นางศุภาทร เล่าว่า “ดิฉันเป็นคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาตลอด ออกกำลังกายทุกวัน และตรวจสุขภาพประจำปีตามปกติ ดิฉันประเมินว่า ฝุ่นในอากาศอาจมีส่วนทำให้เป็นมะเร็ง เพราะดิฉันออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นประจำ แม้ตอนนั้นยังไม่มีใครพูดถึง PM 2.5 ก็ตาม แต่ปัจจุบันกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนไทย ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้ทุกคนสวมหน้ากากป้องกัน เมื่อต้องเผชิญกับฝุ่นจิ๋ว นอกจากนี้ อยากส่งเสริมให้ทุกคนตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ  ส่วนผู้ป่วยมะเร็งก็อยากแนะนำว่า หากยังมีวิธีรักษา ก็ควรจะรักษา เพราะตอนนี้มียาที่มีประสิทธิภาพดี ควรทานอาหารให้หลากหลาย ออกกำลังกาย และที่สำคัญ คือ อย่าหมดกำลังใจ”

ภารกิจสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งของโรชไทยแลนด์


ที่ผ่านมา โรช ไทยแลนด์ ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการแก้ปัญหาด้านการเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสำหรับคนไข้ โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำมหาวิทยาลัยและหน่วยงานด้านสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยานวัตกรรมและการวินิจฉัยที่ล้ำสมัยอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เช่น ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนาแนวความรู้เกี่ยวกับการประเมินเทคโนโลยีทางสุขภาพแก่ชมรมผู้ป่วยกว่า 20 ชมรม และร่วมมือกับเครือข่ายโรงพยาบาลพระปกเกล้า สร้างระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ และได้รับรางวัล Cancer Branch Award จาก Service Plan Sharing และกำลังขยายผลสู่โรงพยาบาล 12 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะช่วยผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นกว่า 100,000 รายในปี 2568

ขณะเดียวกัน โรช ไทยแลนด์ ยังส่งเสริมการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง เพื่อให้คนไทยกลุ่มวัยทำงานให้ดูแลสุขภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น โดยมี โครงการ Cancer Care Connect: ตรวจเร็วรักษาไวห่างไกลมะเร็ง ที่ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลและความรู้ก่อนต้องเผชิญกับโรคมะเร็ง

ภารกิจของโรช สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ United by Unique หรือร่วมกันในเป้าหมายแต่แตกต่างในความต้องการของวันมะเร็งโลกในปีนี้ นายแมทธิว โคทส์ ผู้จัดการทั่วไปโรชไทยแลนด์เมียนมาร์กัมพูชาและลาว กล่าวว่า “โรช มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการรักษาเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วโลกมาตลอด 129 ปี โดยในทศวรรษที่ผ่านมา เราได้ให้การรักษาผู้ป่วยชาวไทยไปแล้วกว่า 3 ล้านคน และมียาถึง 13 รายการในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วย พร้อมกันนี้ เรายังได้ดำเนินการวิจัยทางคลินิกในประเทศไทย โดยมีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการกว่า 1,300 คน และมีเงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 600 ล้านบาท ที่สำคัญเรามีแผนเพิ่มการลงทุนด้านพัฒนางานพัฒนาและวิจัย (R&D) ร้อยละ 5 ในทุก ๆ ปี เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น”นายมิไฮอีริเมสซู กรรมการผู้จัดการโรชไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นเป็นกุญแจสำคัญที่จะมอบโอกาสให้ผู้ป่วยหายขาด โรชมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนไทยเข้าใจความสำคัญของการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ และใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ การทำเช่นนี้ไม่ใช่แค่การป้องกันโรค หากแต่เป็นการลงทุนในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับผู้คน และช่วยลดภาระจากโรค รวมถึงค่าใช้จ่ายทางสังคมและเศรษฐกิจสำหรับสังคมไทย ผู้ป่วยแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน และโรชมุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น เพื่อชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน”


โรชเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนจะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยมะเร็งมีความก้าวหน้า และภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบสุขภาพในประเทศไทย

ทั้งนี้ การหลอมรวมพลังจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ เอกชน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และประชาชนคนไทย เป็นกุญแจสำคัญสู่ระบบสุขภาพที่เท่าเทียมและยั่งยืน เพราะแม้เราจะมีความต้องการและเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่เราต่างมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การสร้างอนาคตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างมีคุณภาพ United by Unique หรือ ‘ร่วมกันในเป้าหมาย แต่แตกต่างในความต้องการ’

เกี่ยวกับโรช

โรชก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1896 ในเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาที่มีชื่อเสียงรายแรกๆ และเติบโตขึ้นจนเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการวินิจฉัยภายนอกร่างกาย โรชแสวงหาความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ในการคิดค้นและพัฒนายา รวมถึงการวินิจฉัยเพื่อปรับปรุงและช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลก

โรชยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลและต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการให้บริการด้านสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อการดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างดีที่สุด โรชร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากเพื่อร่วมผนึกกำลังผสมผสานจุดแข็งในด้านการวินิจฉัยและเภสัชกรรมเข้ากับข้อมูลเชิงลึกจากการปฎิบัติงานทางคลินิก

เพื่อเป็นการตระหนักถึงความพยายามของเราในการดำเนินงานตามมุมมองภาพรวมระยะยาวในทุกสิ่งที่เราทำ โรชได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในอุตสาหกรรมยาโดยดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์เป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน รางวัลนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเราในการปรับปรุงการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นของทุกประเทศที่เราทำงาน

Genentech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในสหรัฐอเมริกาเป็นสมาชิกของโรช กรุ๊ป โดยมีโรชเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ชูไก ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.roche.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *