ความน่าสะพรึงกลัวของสภาพภูมิอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้น ไม่เพียงทำให้คนทั้งโลกหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมกันอย่างจริงจัง
แต่ยังทำให้ทุกภาคธุรกิจต้องหันมาพิจารณาห่วงโซ่อุปทาน ระบบซัพพลายเชน และวางนโยบายด้านความยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะ ขยะอาหาร ที่พบว่า ปริมาณการเกิดขึ้นบนโลก ยังคงอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ! เห็นได้จากตัวเลขค่าเฉลี่ยขยะอาหารของโลกจาก Food Waste Index 2024 ของ UNEP พบแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 79 กิโลกรัมต่อคนต่อปี จากเดิม 74 กิโลกรัมต่อคนต่อปี!
ขณะที่ประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 86 กิโลกรัมต่อคนต่อปี! (จากเดิม 79 กิโลกรัมต่อคนต่อปี) สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกและค่าเฉลี่ยในระดับเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 85 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
“โกโฮลเซลล์” (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร เพื่อผู้ประกอบการ ในเครือเซ็นทรัลรีเทล จึงร่วมกับ มูลนิธิ สโกลารส์ออฟซัสทีแนนซ์ (SOS Thailand) จัดทำโครงการความร่วมมือในการจัดการอาหารส่วนเกิน เพื่อส่งต่อให้กับเครือข่ายผู้รับบริจาคอาหารในชุมชนต่าง ๆ โดยเริ่มที่ โกโฮลเซลล์สาขาเจริญราษฎร์ เป็นสาขาแรก
“พีระพณ ตัณฑ์พูนเกียรติ” Head of Risk Management and Sustainability บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับมูลนิธิ SOS นับเป็นการเริ่มต้นครั้งสำคัญของโก โฮลเซลล์ เพื่อส่งต่ออาหารส่วนเกินไปยังชุมชนที่มีความต้องการ ซึ่งเราเริ่มโครงการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดย SOS เข้ามารับอาหารไปแจกจ่ายยังชุมชนต่าง ๆ รวมกว่า 20 ชุมชนทั่วกรุงเทพฯแล้ว
หากนับเป็นจำนวนมื้อ โก โฮลเซลล์ ได้ส่งมอบอาหารไปแล้วประมาณ 10,500 มื้อ มีผู้รับกว่า 2,500 คน!
“โกโฮลเซลล์มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนในเรื่องของการจัดการขยะอาหารหรืออาหารส่วนเกินตั้งแต่เริ่มธุรกิจและมุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่องซึ่งในอนาคตจะขยายโครงการไปยังสาขาอื่นๆนอกจากนี้โกโฮลเซลล์ยังมุ่งรณรงค์สร้างการตระหนัก รู้ถึงการลดปริมาณขยะอาหารให้กับลูกค้าผู้ประกอบการร้านอาหารและลูกค้าทุกกลุ่มในหลายแนวทางอาทิการรณรงค์ให้เกิดการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่ามุ่งเน้นการขับเคลื่อนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดขยะอาหารทั้งป้องกันการเกิดการลดการนำกลับมาใช้ประโยชน์และการกำจัดอย่างถูกวิธีเพื่อลดการสร้างขยะอาหารตั้งแต่ต้นทาง”
ด้าน “ธนาภรณ์ อ้อยอิสรานุกุล” ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายสื่อสารองค์กรมูลนิธิ SOS ประเทศไทย เปิดเผยว่า “มูลนิธิ SOS พบว่ากลุ่มเปราะบางในชุมชนกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสถานสงเคราะห์ต่างๆยังมีความต้องการอาหารอีกมากโดยเฉพาะกลุ่มโปรตีนพวกเนื้อสัตว์นมไข่และอาหารที่มีโภชนาการสูงการที่ภาคธุรกิจใส่ใจย้อนกลับไปดูแลกระบวนการผลิตเพื่อลดขยะอาหารรวมถึงการจัดการอาหารส่วนเกินที่จะสามารถส่งต่ออาหารเหล่านั้นไปยังผู้ยากไร้นับเป็นสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างยิ่งทางเราพร้อมช่วยจัดการอาหารส่วนเกินเหล่านี้ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากขยะอาหารแล้วยังส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าด้วย”
“อาหารส่วนเกิน” ของโก โฮลเซลล์ เริ่มต้นหลังจากสินค้าอาหารสดผ่านการขายลดราคามาแล้ว โดยพนักงานจะนำมาคัดแยก ภายใต้ข้อกำหนดคือ ต้องไม่หมดอายุ หรือถ้าเป็นอาหารที่ Best Before ต้องไม่เกิน 7 วัน และต้องมีลักษณะทางกายภาพที่ยังรับประทานได้ จากนั้นจะนำอาหารส่วนเกินที่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่คือ ผัก ผลไม้ ไส้กรอก ลูกชิ้น ฯลฯ ไปเก็บในห้องเย็น เมื่อรถจากมูลนิธิ SOS พร้อม จะแจ้งรับสินค้า โดยที่เจ้าหน้าที่ SOS จะคัดเลือกสินค้าอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจ ก่อนจะนำใส่รถเก็บอุณหภูมินำไปส่งยังชุมชนต่างๆ โดยมีทั้งที่นำไปแจกจ่ายได้เลยอย่างผัก ผลไม้ หรือต้องนำไปประกอบอาหารโดยครัวกลางของชุมชนแล้วนำไปแบ่งปัน
“พรทิพย์ วงศ์จอม” ประธานชุมชนบ้านมั่นคงสวนพลู เล่าว่า เมื่อได้อาหารมา เราก็จะนำมาแบ่งปันให้คนในชุมชนของเรา และชุมชนใกล้เคียง เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยเราทำในนามสภาองค์กรชุมชนเขตสาทรจาก 19 กลุ่ม เพื่อดูแลผู้ด้อยโอกาสทั้งหมดใน 13 ชุมชน ซึ่งเราเป็นชุมชนเมือง คนมักจะคิดว่ามีรายได้เยอะ จริงๆ ไม่ใช่ ชุมชนเรามีผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก
นับเป็นการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของ โกโฮลเซลล์ ที่จะลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้น้อยที่สุด เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญ ภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ “CRC Care” ในมิติ Care for the Environment ของ เซ็นทรัล รีเทล ที่มุ่งสร้างโลกสีเขียวอย่างยั่งยืน ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีก-ค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย