ยืนบนถนนคนสู้เพื่อฝัน…
นิทรรศการเดี่ยว โดย ธาดา เฮงทรัพย์กูล
งานเปิดนิทรรศการวันที่ 17 พฤษภาคม 2568
เวลา 17:00 น. เป็นต้นไป
ช่วงเวลาจัดแสดง 17 พฤษภาคม – 13 กรกฎาคม 2568
เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 19.00 น.
ห้อง HOP PHOTO GALLERY
MMAD ชั้น 2 มันมัน ศรีนครินทร์
Google map: https://goo.gl/maps/caQgLisLvvkaz3Gu5
ยืนบนถนนคนสู้เพื่อฝัน…
พาภ สลับกับสะท้อน หยอกหยันภาพ ปรากฏ( กาล )แสนธรรมดาพิลึกพิลั่น บันทึกเหตุการณ์ที่อาจต้องทวนถาม
กับฉากภาพเกือบขาว/ดำ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นภาพถ่ายบอกเหตุบนถนนสายสัมพันธ์ ต่างโปสการ์ดต่างหน้า
เชื้อเชิญออกเดินทาง สัมผัสร่วมประสบ การณ์ ดำรงเป็นและอยู่นอก-นัย-ระนาบภาพประดิษฐ์แผ่นนี้
นิทรรศการ ‘A ROCKING ROAD TO THE MOON – ยืนบนถนนคนสู้เพื่อฝัน…’ ของ ธาดา เฮงทรัพย์กูล ฉายภาพประดิษฐ์สร้างของความเหลื่อมล้ำจากโครงสร้างการบริหารที่ผุพังหยั่งรากของภาครัฐ อีกครั้งที่ทุกอย่างได้ริเริ่มด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของธาดา ระหว่างการเดินทางกลับที่พักอาศัยบนท้องถนนอันขรุขระภายในกรุงเทพมหานคร การพบเจอกับเหตุการณ์ซ้ำเดิมซึ่งไม่ควรจะปกติธรรมดาในทุกวัน ได้สั่งสม ยอกย้อน และเชื่อมร้อยประสานยังชุดความทรงจำก่อนหน้าที่เขาประสบพบเสมอในขณะเดินทางไป-กลับภูมิลำเนาบนถนนสายมิตรภาพ ซึ่งเชื่อมต่อขยายความเจริญจากเมืองหลวงสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย – ของขวัญแห่งมิตรภาพชิ้นสำคัญที่ประเทศไทยได้รับจากอเมริกาในยุคสงครามเย็น
ธาดาเลียนล้อการนำเสนอภาพโฆษณาชวนเชื่อบนถนนแห่งสายสัมพันธ์ ที่ถูกผลิตวนเวียนซ้ำไปมาภายใต้กรอบวาทกรรมการขยับขยายกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ด้วยฉากผลงานวัตถุเก็บตก วัตถุภาพถ่ายจัดวาง และวิดีโอด้วยเทคนิค slit-scan ที่ขมวดรวมต่อทุกห้วงเวลาไว้ในภาพภาพเคลื่อนไหวเดียว ร่วมประกอบเป็นภูมิทัศน์อันบิดเบี้ยวจากการมอมเมาผู้คนด้วยการจัดการทัศนียภาพแช่นิ่งแบบเดิม – ฉากภาพถนนที่ไม่เคยสมบูรณ์แล้วเสร็จ – เขายังขับเน้นถึงความหลากเลื่อนอีกครั้ง ผ่านการผสมผสานจัดวางเศษถนนยางมะตอยซึ่งรื้อทิ้งบนไหล่ทางระหว่างมุ่งหน้าสู่เขตอำเภอเขาใหญ่ เรียงจำลองพื้นถนนร่วมกับวัตถุภาพ ประดิษฐกรรมจากการหล่อหลุมบนถนนสายนี้ที่หลอมรวมเข้ากับภาพถ่ายเงาสะท้อนบนผิวน้ำของสถาปัตยกรรมซึ่งวิจิตรงดงาม และโอ่อ่าของอาคารสาธารณะ รวมไปถึงตึกขององค์กรภาครัฐและเอกชนในเมืองหลวง อันแฝงด้วยน้ำเสียงของการเสียดสีกระเซ้าเย้าหยอกแบบตลกร้ายของความเป็นวัตถุเลียนแบบและการเคลื่อนไหวไร้แบบแผนตามหลักเหตุผลที่ควรจะต้องตอบได้
นอกจากเอกภาพของฉากปรากฏการณ์ประหนึ่งภาพถ่ายนี้ ที่ต้องการสื่อสารผ่านชุดเหตุการณ์ซึ่งอาจจะปกติธรรมดา แต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นผลพวง ซุกซ่อนการแสวงหาประโยชน์อย่างไม่หยุดหย่อน ขณะเดียวกันก็ขับเคี่ยวด้วยแรงผลักบางประการ อาจจากอารมณ์ความรู้สึก แม้จะเป็นเพียงฉากภาพแสนสามัญธรรมดา แต่กลับกระตุ้นเร้ากระทำการอันนิ่งเงียบรุนแรงได้อย่างน่าฉงน ราวกับว่า ภาพถ่ายฉากปรากฏการณ์นี้ได้ผูกเข้ากับห้วงขณะอารมณ์และความทรงจำร่วมกันของการกระเสือกกระสนดิ้นรนไม่รู้จบ
นิทรรศการ ‘A ROCKING ROAD TO THE MOON – ยืนบนถนนคนสู้เพื่อฝัน…’ เป็นความร่วมมือพิเศษระหว่าง HOP – Hub Of Photography และ NOVA Contemporary เพื่อสนับสนุนศิลปินและส่งเสริมศิลปะภาพถ่าย
เกี่ยวกับศิลปินธาดาเฮงทรัพย์กูล
ธาดา เฮงทรัพย์กุล เป็นศิลปินร่วมสมัยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ผลงานของเขามักเกี่ยวข้องกับการสำรวจและการต่อต้านรูปแบบต่าง ๆ ของการควบคุม — ทั้งในระดับปัจเจก ร่วมกลุ่ม และระดับสังคม เขาอธิบายบริบทที่ตนเองทำงานไว้ว่า “ตอนนี้ประเทศไทยกำลังประสบวิกฤตเกี่ยวกับการควบคุมผู้คนจำนวนมากที่ออกมาเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ” ธาดาตอบสนองต่อวิกฤตนี้โดยเจตนาในการนำเสนอประเด็นที่เฉพาะเจาะจงกับบริบทของประเทศไทยให้สะท้อนถึงคำถามและประสบการณ์ที่มีร่วมกันในระดับที่กว้างขวางยิ่งขึ้น พื้นที่ที่เขาอาศัยและทำงานจึงทำหน้าที่เป็นจุดตัดของความสนใจจากทั้งภายในและภายนอกในหลากหลายมิติ
ธาดาเริ่มเป็นที่รู้จักจากผลงานภาพถ่าย และวิดีโอ ซึ่งมักตั้งคำถามกับข้อห้ามเกี่ยวกับร่างกายเปลือยและวัฒนธรรมเยาวชน ในช่วงหลัง เขาหันมาสนใจการสร้างสรรค์งานจัดวาง (installation) มากยิ่งขึ้น โดยมักมีลักษณะให้ผู้ชมมีส่วนร่วม หรือเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ (immersive) และมีความเชื่อมโยงกับสุนทรียะของสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะทางทหาร (militarized environments) กระบวนการทำงานของศิลปินตั้งอยู่บนการวิจัยระยะยาว ซึ่งเขาดำเนินการผ่านการค้นคว้าทั้งในคลังข้อมูลอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ตลอดจนการมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อหลากหลายประเภทและกับชุมชนเฉพาะกลุ่มต่าง ๆ ตามคำกล่าวของศิลปินเองว่า “การวิจัยของผมคือการใช้ชีวิตในอีกแบบหนึ่ง”
ธาดาเกิดเมื่อปี 1987 ที่โคราช ในภูมิภาคอีสานของประเทศไทย โคราชเป็นที่ตั้งของฐานทัพอเมริกันมาตั้งแต่ช่วงสงครามอินโดจีนครั้งที่สอง และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากมรดกทางวัฒนธรรมและการเมืองซึ่งสืบทอดยาวนานมาจากประวัติศาสตร์ดังกล่าว ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในผลงานของเขาอยู่เสมอ องค์ประกอบบางประการของ “วิกฤต” ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันจึงสามารถเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีขอบเขตระดับภูมิภาค และสัมพันธ์กับสงครามเย็นในระดับโลก รวมถึงกระบวนการปลดปล่อยอาณานิคมและความพยายามในการพัฒนาให้ทันสมัย (modernization)