เปลี่ยนการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ให้กลายเป็นความสนุกและความประทับใจ ด้วยไอเดีย “Museum Label” หรือแคปชั่นน่ารัก ๆ สำหรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัว ไอเดียสุดสร้างสรรค์ของ ดีใจ โกสิยพงษ์ ศิลปินรุ่นใหม่ร่วมกับ พิริยะ–กรกมล วัชจิตพันธ์ ผู้ก่อตั้ง “ท่าพิพิธภัณฑ์” (Museum Pier) พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งแรกของเมืองไทยที่มอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าจดจำให้กับเด็ก ๆ ผ่านการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์แนวใหม่ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งยังจุดประกายให้น้อง ๆ ได้สนุกคิด สนุกวาดเขียน สนุกเรียนรู้ และสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินของเจ้าตัวน้อยในอนาคต
Museum Label: สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆรักพิพิธภัณฑ์มากขึ้น
แม้พิพิธภัณฑ์จะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับเด็กและเยาวชน แต่บางครั้งการเดินชมงานศิลปะอาจทำให้เด็ก ๆ รู้สึกเข้าถึงยากและอึดอัดจนเกินไป แนวคิดนี้จุดประกายให้ คุณกรกมลและคุณพิริยะวัชจิตพันธ์ คู่สามีภรรยาผู้ร่วมก่อตั้ง “ท่าพิพิธภัณฑ์” ที่พร้อมสนับสนุนงานศิลปะของไทยให้ก้าวสู่เวทีระดับโลก ร่วมงานกับ ดีใจโกสิยพงษ์ ปลุกกระแส Kids in Museum ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่สำหรับครอบครัว
“ด้วยความที่ดีใจสนใจเรื่องจิตวิทยาและศิลปะสำหรับเด็กอยู่แล้วเราเลยพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ศิลปะ friendly กับเด็กๆและช่วยให้พวกเขาเข้าถึงความรู้ทางศิลปะและประวัติศาสตร์มากขึ้นเราเลยนึกถึง “แคปชันสำหรับเด็ก” ที่นิยมมากในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งของอังกฤษและอเมริกาเป็นการนำเสนอไอเดียผ่านคำพูดภาพวาดและสัญลักษณ์ต่างๆสำหรับเด็กควบคู่กับการทำ Activity Book ที่มาพร้อมสีเทียนและสีไม้ให้น้องๆนั่งลงวาดภาพจดบันทึกหรือขีดเขียนได้อย่างอิสระเพื่อกระตุ้นจินตนาการของพวกเขา”
คุณกรกมล อธิบายให้ฟังว่า Museum Label เป็นข้อความสั้น ๆ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลงานศิลปะ ด้วยภาษาหรือภาพวาดที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเด็ก เพื่อกระตุ้นให้เด็กมีส่วนร่วมในงานศิลปะ เพิ่มสีสันและความสนุกสนานให้กับการเรียนรู้ได้อย่างดี เด็ก ๆ จะได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เรื่องราว แสดงความคิดเห็น และจดจำสิ่งที่ได้เรียนรู้ผ่านแคปชั่นน่ารัก ๆ บนกำแพง ทั้งยังเป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัวที่ส่งเสริมให้เด็ก ๆ มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์มากขึ้น ช่วยกระตุ้นให้พวกเขาสนใจในศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์
“ไอเดียที่ศิลปิน (ดีใจ) นำมาใส่ในแคปชันจะมาจากการตีความในมุมมองของเด็กๆผสมผสานกับเกร็ดความรู้ที่เราสอดแทรกลงไปเพื่อให้น้องๆสนุกกับการเที่ยวพิพิธภัณฑ์และเรียนรู้โลกแห่งศิลปะไปในตัวถือเป็นมิติใหม่ของพิพิธภัณฑ์ในเมืองไทยแล้วยังส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวผ่านกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์
ที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ให้น้องๆขณะเดียวกันผู้ปกครองก็อาจจะมองเห็นบางมุมของน้องๆที่ไม่เคยรู้มาก่อนรวมถึงผลักดันและสนับสนุนพวกเขาในอนาคตได้เช่นกัน”
นอกจากนี้ แคปชันสำหรับเด็กยังช่วยฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การตั้งคำถาม การช่างสังเกต และการสื่อสารของเด็ก ๆ ผ่านศิลปะในการใช้ภาษา หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ดึงดูดความสนใจสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่ ดีใจโกสิยพงษ์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เธอจึงใช้เวลาทำงานในโปรเจ็กต์พิเศษราว 2 เดือน กว่าจะมาเป็นไอเดียสุดสร้างสรรค์ในนิทรรศการ “200 YEARS JOURNEY THROUGH THAI MODERN ART HISTORY”
ไอเดียแคปชั่นสุดสร้างสรรค์: เปลี่ยนพิพิธภัณฑ์ให้เป็นสนามเด็กเล่นแห่งจินตนาการ
ทันทีที่ตัดสินใจร่วมทำโปรเจ็กต์กับท่าพิพิธภัณฑ์ ดีใจจึงนำประสบการณ์และความทรงจำในวัยเด็กที่ได้รับจากครอบครัว ผสมผสานกับสิ่งที่ได้เรียนมาใน Museum Studies จาก Pratt Institute ประเทศอเมริกา ต่อยอดสู่การสร้างสรรค์ Museum Label สำหรับเด็กขึ้นมาเป็นครั้งแรกของนิทรรศการศิลปะในเมืองไทย
“ดีใจรู้สึกว่าพื้นที่ภายในพิพิธภัณฑ์บางครั้งอาจดูน่ากลัวและเข้าถึงยากสำหรับเด็กลองจินตนาการว่าเราเป็นเด็กและแหงนหน้ามองภาพวาดบนผนังแม้งานชิ้นนั้นจะสวยมากแต่เราก็ไม่เข้าใจความหมายของมันอยู่ดีดีใจจึงอยากนำความทรงจำสมัยเด็กที่คุณพ่อ–คุณแม่พาเราไปดูนิทรรศการแล้วชวนตั้งคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองเลยมองหาคำพูดที่เข้าใจง่ายเพื่อชวนให้น้องๆตั้งคำถามสังเกตและจินตนาการมันเป็นการเชื่อมโยงกระบวนการคิดงานของศิลปินผ่านการลงมือทำ Activity Book เราจึงใช้คำถามในการชมนิทรรศการเยอะมากเพื่อสร้างบทสนทนาดีๆในครอบครัว”
ข้อความสั้น ๆ บนผนังสีสดของท่าพิพิธภัณฑ์ ไม่เพียงออกแบบให้อยู่ในระดับสายตาและความสนใจของเด็ก ๆ หากแต่ภาพวาดและข้อความเหล่านั้นยังดึงดูดความสนใจของผู้ใหญ่เช่นกัน ตัวอักษรและถ้อยคำน่ารัก ๆ อย่าง “ลองดูสิเห็นตัวอะไรกันบ้าง” “น่าจะมีเสียงอะไรจากภาพนี้” หรือ “หาสิ่งของเหล่านี้เจอไหม? แหวนกุหลาบผู้ชายพระพุทธรูป” ภายใต้ผลงานศิลปะสมัยใหม่สุดล้ำค่าของศิลปินไทย ที่มีความหมายและความสำคัญอย่างมากทางประวัติศาสตร์ กลายเป็นชั่วโมงแห่งการเรียนรู้ที่ทั้งสนุกและเพลิดเพลินสำหรับเด็ก
“ผลงานแต่ละชิ้นที่จัดแสดงในนิทรรศการนี้เป็นสิ่งล้ำค่าและหาชมยากมากๆค่ะงานที่ดีใจชอบคือผลงานของมีเซียมยิบอินซอยที่สวยงามและน่าทึ่งมากๆดีใจหลงรักวิธีการใช้สีสันและเทคนิคการวาดภาพของเธอและดีใจอยากทำทุกอย่างเพื่อให้น้องๆรู้สึกสนุกกับการเรียนรู้งานศิลปะผ่านแคปชันเหล่านี้เหมือกันการที่เขาเขียน Activity Book จะช่วยให้เด็กๆใช้จินตนาการอย่างเต็มที่และยังเป็นการฝึกฝนทักษะการเล่าเรื่องด้วยค่ะลองนึกภาพเด็กๆกำลังตื่นเต้นกับการสร้างสรรค์เรื่องราวของตัวเองในพิพิธภัณฑ์มันเป็นกิจกรรมที่น่าประทับใจและสนุกมากสำหรับเขาแม้แต่ผู้ใหญ่เองก็สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับน้องๆเช่นกัน”
หัวใจสำคัญของการใช้แคปชันสำหรับเด็กในท่าพิพิธภัณฑ์ ควบคู่กับ Activity Book for Kids ยังเป็นการส่งเสริมการชมงานศิลปะให้น้อง ๆ สนุกได้ไม่ทำลายงานศิลปะ รวมถึงสร้างบทสนทนาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นระหว่างครอบครัว เพื่อช่วยให้เด็กค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่เชื่อมต่อพวกเขาเข้ากับโลกแห่งศิลปะ ขณะเดียวกันผู้ปกครองก็ค้นพบพรสวรรค์ของเจ้าตัวน้อยได้เช่นกัน
ค้นพบช่วงเวลาแห่งความสุขและกิจกรรมสนุกๆสำหรับทุกคนในครอบครัวในนิทรรศการ “200 YEARS JOURNEY THROUGH THAI MODERN ART HISTORY” ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) ภายในโครงการท่าช้างวังหลวงติดกับท่าเรือท่าช้างถนนมหาราชกรุงเทพฯเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. เปิดให้เข้าชมจนถึง 30 เมษายน 2568 นี้ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 100 บาทนักเรียน / นักศึกษา (กรุณาแสดงบัตร) 50 บาทเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตรเข้าชมฟรีชาวต่างชาติ 300 บาทติดตามได้ที่ https://www.museumpier.com/