Chronoscapes
โดย 3 ศิลปินอรุณกมลทองมอญกำธรเภาวัฒนาสุขและพชรปิยะทรงสุทธิ์
พิธีเปิดนิทรรศการ:
วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 18.00 น.
ระยะเวลานิทรรศการที่West Eden Gallery:
วันที่ 5 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม 2568
1PROJECTS ร่วมกับ West Eden ภูมิใจนำเสนอ “Chronoscapes” นิทรรศการกลุ่มโดยศิลปินอรุณกมลทองมอญกำธรเภาวัฒนาสุขและพชรปิยะทรงสุทธิ์ซึ่งศิลปินแต่ละคนถ่ายทอดแนวทางศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองเพื่อสำรวจธรรมชาติอันไม่แน่นอนของความทรงจำและการรับรู้รวมถึงเผยให้เห็นว่าประสบการณ์ส่วนตัวและส่วนรวมสามารถกำหนดความเข้าใจของเราต่อความเป็นจริงได้อย่างไร
ความทรงจำและการรับรู้เป็นพลังสำคัญที่มีอิทธิพลต่อมุมมองความเข้าใจของเราต่อโลกนิทรรศการนี้มุ่งสำรวจว่าทั้งความทรงจำส่วนบุคคลและความทรงจำส่วนรวมส่งผลต่อการรับรู้ความเป็นจริงของเราอย่างไรผ่านผลงานศิลปะเชิงเหนือจริง
ศิลปินที่ร่วมแสดงในนิทรรศการนี้ตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องความจริงและผลสะท้อนที่จะแสดงให้เห็นว่าภาวะวิกฤตการณ์ทางการเมืองสังคมและเศรษฐกิจมีผลต่อการรับรู้ของเราอย่างไรผลงานที่จัดแสดงนำเสนอเส้นแบ่งที่พร่าเลือนระหว่างสิ่งที่เป็นจริงและไม่จริงโดยใช้องค์ประกอบที่คล้ายความฝันผสานเข้ากับความทรงจำและวัตถุที่จับต้องได้เพื่อถ่ายทอดเหตุการณ์ในอดีตและประสบการณ์ส่วนตัว
ด้วยการท้าทายคติเกี่ยวกับความเป็นจริงที่สมบูรณ์แบบนิทรรศการนี้ชวนผู้ชมร่วมพิจารณาว่าแท้จริงแล้วความเป็นจริงอาจเป็นเพียงโครงสร้างที่ถูกประกอบขึ้นตามมุมมองของแต่ละบุคคลซึ่งได้รับอิทธิพลจากความทรงจำอารมณ์บริบททางวัฒนธรรมรวมถึงปัจจัยจากสภาพเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อมและการเมือง



เกี่ยวกับศิลปิน และถ้อยคำจากศิลปิน
อรุณกมล ทองมอญเกิดในปี 1995 ที่จังหวัดกาญจนบุรีประเทศไทยโดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทสาขาวิชาทัศนศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากรปัจจุบันเธออาศัยและทำงานอยู่ในจังหวัดนนทบุรีผลงานของเธอมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงวัสดุเหลือทิ้งให้กลายเป็นงานประติมากรรมสามมิติแบบสื่อผสมโดยมอบบริบทใหม่ให้กับวัสดุเหล่านั้นเธอนำของเสียจากอุตสาหกรรมมาใช้โดยอาศัยโครงสร้างเดิมของวัสดุนั้นแล้วจึงผสมผสานกับสื่ออื่นๆเพื่อเปิดโอกาสให้วัตถุได้เล่าเรื่องราวของตัวเองประติมากรรมของเธอยังผสมผสานกับเทคนิคโอริกามิอันประณีตเข้ากับโลหะสะท้อนให้เห็นถึงคุณสมบัติของวัสดุผ่านกระบวนการที่ละเอียดอ่อนผลงานของเธอแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการลดผลกระทบจากการผลิตจากภาคอุตสาหกรรมของมนุษย์ผ่านงานหัตถกรรมอันประณีต
ผลงานของเธอได้เคยถูกจัดแสดงในระดับนานาชาติเช่นที่ Nordic Contemporary Art Center ใน Xiamen ประเทศจีนรวมถึง Treasure Hill Artist Village ที่ Tapei ประเทศไต้หวันในประเทศไทยผลงานของเธอได้เคยจัดแสดงที่หอศิลป์คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถและที่อื่นๆอีกมากมายเธอยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 67 ในปี 2022 ประเภทสื่อผสมและรางวัลรองชนะเลิศการแสดงศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ในปี 2019 และ 2020
ถ้อยคำอรุณกมล:เศษวัสดุที่ชำรุดเสียหายไร้ค่าและถูกทิ้งถูกนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะโดยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปด้วยจินตนาการการเปลี่ยนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ให้กลายเป็นงานศิลปะก่อให้เกิดวัตถุรูปทรงใหม่ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวกระบวนการนี้สะท้อนถึงความพยายามในการทวงคืนความเป็นมนุษย์ต่อต้านการครอบงำของระบบอุตสาหกรรมผ่านศิลปะพับกระดาษ (Origami) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้พลังของมือในการสร้างและเปลี่ยนแปลงวัสดุด้วยความใส่ใจความประณีตและความแม่นยำตรงข้ามกับพื้นผิวที่แข็งกระด้างและหยาบกร้านของวัสดุเหล่านั้นผลงานแต่ละชิ้นมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความหมายของการสร้างสรรค์โดยมนุษย์ด้วยการตีความวัสดุอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงวัสดุเหล่านี้ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของกลไกเครื่องจักรได้ถูกเปลี่ยนเป็นรูปทรงเชิงนามธรรมผ่านภาษาของศิลปะเผยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับวัสดุการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรและปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัสดุด้วยกันเอง
กำธร เภาวัฒนาสุขเกิดในปี 1970 โดยพักอาศัยและทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานครประเทศไทยเขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปัจจุบันเขาทำงานเป็นช่างภาพผลงานของเขามีเนื้อหาในการสำรวจและเผยให้เห็นถึงภูมิทัศน์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
ผลงานของเขาได้รับการจัดแสดงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเช่นที่ Kathmandu Photo Gallery กรุงเทพมหานครในปี 2024, RMA Institute, หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพและ 1PROJECTS ในปี 2018, หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครในปี 2017, หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนินกรุงเทพมหานคร, M Gallery ที่ Tokyo ประเทศญี่ปุ่นและ International Orange Photo Festival ที่ Changsha ประเทศจีนทั้งหมดในปี 2010 เป็นต้น
ถ้อยคำกำธร: การซ้อนกันของมิติของโลกที่ดูเหมือนจะไม่มีจริงอาจจะเป็นการตั้งคำถามถึงความจริงและสิ่งที่เรารับรู้รอบตัวโลกที่เราคิดว่ามีอยู่จริงอาจจะเป็นแค่ภาพสะท้อนของสิ่งที่เราเห็นผ่านประสบการณ์ความทรงจำหรือความรู้สึกส่วนตัวในแต่ละวันการรับรู้และความคิดของเราสามารถทำให้โลกนี้ดูเหมือนมีหลายมิติหรือบางครั้งเราอาจรู้สึกว่าเรากำลังอยู่ในโลกที่ไม่จริงแต่ก็ยังมีบางอย่างที่เราคุ้นเคยและเข้าใจว่าเป็นจริง
ศิลปินสร้างผลงานชุดนี้ขึ้นมาจากความทรงจำความฝันประสบการณ์ที่ประสบพบเจอในชีวิตประจำวันและแรงบันดาลใจในความอยากทดลองสิ่งใหม่ๆเพื่อสื่อสารความรู้สึกในการค้นหาความสงบที่เหนือจริงและการรับรู้ถึงโลกที่อาจจะไม่มีอยู่จริงในแบบที่เราคาดคิด
พชร ปิยะทรงสุทธิ์เกิดในปี 1985 โดยอาศัยและทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานครประเทศไทยเขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากรผลงานช่วงแรกของเขาได้สำรวจประเด็นเรื่องอัตลักษณ์และความทรงจำก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับบริบททางสังคมและการเมืองจิตรกรรมของเขาโดดเด่นด้วยการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ทางการเมืองแรงงานและสังคมทั้งยังตั้งคำถามต่อความทรงจำและอัตลักษณ์ของศิลปินเองผ่านบรรยากาศอันเหนือจริงภูมิทัศน์อันเงียบงันและลึกลับโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาองค์ประกอบที่ดูหวือหวาการใช้ภาษาภาพอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาช่วยปลดปล่อยการรับรู้ของผู้ชมให้ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ปัจจุบันเขาทำงานเป็นศิลปินเต็มเวลาและมีนิทรรศการเดี่ยวรวมถึงนิทรรศการกลุ่มทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องทั้งนิทรรศการเดี่ยวที่ Richard Koh Fine Art ในประเทศไทย, มาเลเซียและสิงคโปร์, รวมถึงที่ ARTIST+RUN และ DOB Hualamphong Gallery ในกรุงเทพมหานครนิทรรศการกลุ่มที่ Richard Koh Gallery ในสิงคโปร์, Ferme de Quincé ใน Rennes ประเทศฝรั่งเศส Jing Jai Gallery ที่เชียงใหม่, หอศิลป์คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป, Gallery VER, และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครผลงานของเขายังได้รับการจัดแสดงใน Art Fair Philippines, Guanlan International Print Biennial ปี 2007 ใน Shenzhen ประเทศจีน, และ International Print Biennial ครั้งที่ 4 ใน Varna ประเทศบัลแกเรีย
ถ้อยคำพชร:ผลงานชุดนี้ประกอบขึ้นจากองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับบริบทของสังคมไทยตั้งแต่ยุคหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ความเฟื่องฟูของอสังหาริมทรัพย์ในทศวรรษ 2520 – 2530 วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 จนถึงช่วงหลังรัฐประหารปี 2557
ศิลปินสำรวจและตั้งคำถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตนเองผ่านวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงผลกระทบที่เปลี่ยนแปลงชนชั้นกลางซึ่งเป็นรากฐานทางสังคมของศิลปินโดยตรงไม่ว่าจะเป็นวิกฤตต้มยำกุ้งหรือรัฐประหารทั้ง 3 ครั้งในปี 2534, 2549 และ 2557 ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์ที่หล่อหลอมภูมิทัศน์ทางการเมืองในช่วงชีวิตของศิลปิน
จากการตั้งคำถามเกี่ยวกับการรัฐประหารและผลกระทบทางสังคมศิลปินย้อนกลับไปพิจารณาความเปลี่ยนแปลงในระดับเล็กเช่นครอบครัวกระบวนการนี้กลับนำไปสู่คำถามใหม่ๆเกี่ยวกับวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลงซึ่งเชื่อมโยงกับชุดผลงานก่อนหน้าได้แก่ Anatomy of Silence (2018), Harvest (2021) และ Your Green is Mine (2023)
ผลงานนี้จึงมีสายสัมพันธ์กันด้วยบริบทที่ผ่านวิกฤตในแต่ละยุคสมัยตั้งแต่การบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลในปี 2540 การทุจริตและความไม่โปร่งใสของโครงการรัฐหลังการรัฐประหารปี 2557 ไปจนถึงบทบาททางการเมืองที่หวนคืนมาของกองทัพและสถาบันกษัตริย์ในช่วงทศวรรษ 2540 – 2550 อย่างไรก็ตามศิลปินไม่ได้ถ่ายทอดประเด็นเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาแต่เลือกนำเสนอผ่านภาพฝันถ่ายทอดอารมณ์และสภาวะทางจิตใจของเหตุการณ์ผ่านมุมมองส่วนตัวและจินตนาการของศิลปินเป็นที่ตั้ง
ภูมิทัศน์ในภาพวาดจึงเป็นภาพความฝันโดยมีเนื้อจริงที่ตั้งอยู่บนรากฐานของประวัติศาสตร์จริงเชิญชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามและตีความหมายผ่านความทรงจำร่วมทางสังคมที่สะสมมากว่าสี่ทศวรรษ
เกี่ยวกับ 1PROJECTS
1PROJECTS ได้ดูแลและจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยของภูมิภาคเอเชียพร้อมทั้งมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินร่วมสมัยชาวเอเชียที่เพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศในงานแสดงศิลปะแกลเลอรีณต่างประเทศหรือสถานที่อื่นๆโครงการก่อนหน้านี้ของ 1PROJECTS จะรวมไปถึงการเยี่ยมชมแกลเลอรีและสตูดิโอศิลปินโครงการสำหรับโรงแรมรวมถึงนักสะสมส่วนตัวในต่างประเทศอีกด้วยนับว่า 1PROJECTS นั้นครอบคลุมทุกแง่มุมของวงการศิลปะตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านศิลปะไปจนถึงการจัดหาผลงานสำหรับการสะสมการว่าจ้างการจัดการโครงการและการประสานงานการติดตั้งโดยในอดีต 1PROJECTS ได้จัดแสดงผลงานศิลปะโดยศิลปินชาวไทยรวมไปถึงชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
เกี่ยวกับ West Eden
West Eden ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครประเทศไทยและได้จัดแสดงผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติควบคู่ไปกับศิลปินจากประเทศไทยโดยภายในคอลเล็กชั่นจะเน้นไปที่งานศิลปะร่วมสมัยรวมถึงงานศิลปะที่แสดงเจตนารมณ์เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างศิลปินและผู้ชมผลงานระหว่างประเทศไทยและทั่วโลกนอกเหนือจากการแสดงนิทรรศการศิลปะจากศิลปินระดับนานาชาติศิลปินสัญชาติไทยรวมไปถึงคอลเล็กชั่นของนักสะสมแล้วสถานที่แห่งนี้ยังเป็นดั่งเสาหลักของแวดวงศิลปะระดับท้องถิ่นผ่านการจัดงานแสดงชุมชนเรียกได้ว่า West Eden ได้มอบแหล่งพักพิงให้แก่ศิลปะในปัจจุบัน
